ในส่วนของประวัติมหาราชที่เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศสนั้นมีการคาดการณ์ว่าเกิดขึ้นในช่วงของสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 8 ราวคริสต์ศักราช 1494 โดยบาคาร่าในยุคนี้จะมีการละเล่นกันอย่างแพร่หลายทั้งในราชวงศ์ชั้นสูงและบรรดาชาวเมืองไม่ว่าจะยากดีมีจน การเล่นบาคาร่าที่ประเทศฝรั่งเศสก็จะแบ่งออกมาได้ 2 รูปแบบคือ

1.แบบอันบาก

2.แบบเชอแมงเดอเฟร์

ซึ่งรูปแบบการเล่นบาคาร่าทั้งสองแบบนี้ก็ได้รับความนิยมเท่า ๆ กัน แตกต่างกันเพียงแค่รูปแบบในการแจกไพ่เท่านั้น

ประวัติบาคาร่าในประเทศอิตาลี

หากจะย้อนกลับไปในการกำเนิดบาคาร่านั้น ข้อมูลที่ดูใกล้เคียงมากที่สุดก็คือบาคาร่า เกิดขึ้นในราวศตวรรษที่ 15 คำว่า “BACCARA” เป็นภาษาฝรั่งเศส มีรากศัพท์มาจากภาษาอิตาลี ซึ่งมีความหมายที่แปลว่า 0 บาคาร่าในยุคนี้ว่ากันว่าคิดถูกคิดค้นขึ้นโดยนักพนัน ที่ชื่อว่า เฟลิกซ์ ฟาลกูยเรน ที่ได้แนวคิดมาจากพิธีกรรมทางศาสนาของอารยธรรมโบราณ

ซึ่งพิธีกรรมนี้คือการคัดเลือกหญิงสาวเพื่อมารับตำแหน่งนักบวช โดยวิธีการคัดเลือกนั้นหญิงสาวจะต้องการทอยลูกเต๋าแบบ 9 หน้า หากหญิงสาวคนไหนทอยลูกเต๋าแล้วได้แต้มออกมาเท่ากับ 9 หรือใกล้เคียง หญิงสาวคนนั้นจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักบวช แต่ถ้าหญิงสาวคนไหนได้เลขที่น้อยกว่า 9 มากที่สุดจะต้องตาย 

วิธีการดูไพ่และการนับแต้มในกติกาบาคาร่า

ผู้เล่นสามารถดูและทำความเข้าใจกับเกมการเล่นไพ่บาคาร่า โดยดูไพ่บาคาร่าได้ ดังต่อไปนี้

•       ไพ่ไม่มีแต้ม ไพ่ไม่มีแต้มคือไพ่ศูนย์แต้ม ไม่มีการนับแต้มจากไพ่เหล่านี้ 10, J, Q และ K ไพ่เหล่านี้เป็นไพ่ไม่มีแต้ม

•       1 แต้ม คือไพ่หน้า A

•       2 แต้ม คือไพ่หน้า 2

•       3 แต้ม คือไพ่หน้า 3

•       4 แต้ม คือไพ่หน้า 4

•       5 แต้ม คือไพ่หน้า 5

•       6 แต้ม คือไพ่หน้า 6

•       7 แต้ม คือไพ่หน้า 7

•       8 แต้ม คือไพ่หน้า 8

•       9 แต้ม คือไพ่หน้า 9

ตัวอย่างการนับแต้มในกติกาบาคาร่า

•       หากได้ไพ่ 9 กับ 10, J, Q และ K ผลรวมคือ 9 แต้มที่ได้ คือ 9

•       ถ้าหากได้ไพ่ 9 กับ 8 ผลรวมคือ 17 แต้มที่ได้คือ 7

•       หากได้ไพ่ 10, J, Q และ K เหมือนกันทั้ง 2 ใบ ผลรวมคือ 0 แต้มที่ได้คือ 0

ทั้งนี้ หากไพ่บวกกันแล้วได้ผลรวมออกมาตั้งแต่ 10 ขึ้นไป ให้นับเลขข้างหลัง เช่น ได้ 10 ก็คือได้ 0 แต้ม ได้ 11 ก็คือ ได้ 1 แต้ม เป็นต้น

รูปแบบการวางเดิมพันและอัตราการจ่ายในส่วนของกติกาบาคาร่าออนไลน์

เมื่อพูดถึงขั้นตอนการวางเดิมพัน ผู้เล่นนั้น สามารถเล่นได้หลายแบบด้วยกัน โดยแต่ละแบบก็มีความยากง่าย และอัตราการชนะรางวัลแตกต่างกันไป ยิ่งโอกาสชนะต่ำ อัตราการจ่ายเงินก็ยิ่งสูงตามไปด้วย ซึ่งเราสามารถวางเดิมพันในรูปแบบต่าง ๆ ได้ดังนี้

•       Player การวางเดิมพันในฝั่ง Player คือการลงเดิมพันฝั่งน้ำเงิน อัตราการจ่ายเงินคือ 1:1

•       Banker ธรรมดา การวางเดิมพันในฝั่ง Banker คือการลงเดิมพันฝั่งแดง อัตราการจ่ายเงินคือ 0.95:1

•       Banker บาคาร่า 6 แต้ม การวางเดิมพันในแบงก์เกอร์ คือการลงเดิมพันฝั่งแดง อัตราการจ่ายเงินคือ 1:1 แต่หากชนะด้วยแต้ม 6 จ่าย 0.5:1

•       Tie การวางเดิมพันในเสมอ คือการทายผลให้ออกเสมอ ซึ่งอัตราการจ่ายเงินคือ 8:1

•       Player คู่ การวางเดิมพันในเพลเยอร์คู่ คือ การทายผลให้ไพ่เพลเยอร์ออกมาเป็นไพ่คู่ เช่น เปิดไพ่มาได้ A กับ A แบบนี้เป็นต้น อัตราการจ่ายเงินคือ 11:1

•       Banker คู่ การวางเดิมพันในแบงก์เกอร์ คือ การทายผลให้ไพ่แบงก์เกอร์ออกมาเป็นไพ่คู่ เช่น เปิดไพ่มาได้ A กับ A แบบนี้เป็นต้น อัตราการจ่ายเงินคือ 11:1

•       Big การวางเดิมพันในใหญ่ คือการทายผลว่าเกมนั้นจะเปิดไพ่ 3 ใบ อธิบายได้คือ หากฝ่ายใดก็ตามจั่วไพ่ใบที่ 3 ผลในเกมนั้นก็คือใหญ่ อัตราการจ่ายเงินคือ 0.5:1

•       Small การวางเดิมพันในเล็ก คือการทายผลว่าเกมนั้นจะไม่เปิดไพ่ใบที่ 3 อธิบายได้คือ หากทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีฝ่ายใดจั่วไพ่ใบที่ 3 ผลในเกมนั้นก็คือเล็ก อัตราการจ่ายเงินคือ 1.5:1

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นรูปแบบการเดิมพันในเกมไพ่บาคาร่าออนไลน์ แบบพื้นฐาน ซึ่งทุกคาสิโนมีรูปแบบเหล่านี้ ให้กับผู้เล่นได้เลือกเล่นกันทั้งนั้น ผ่านกติกาบาคาร่าที่ควรรู้ นอกจากนี้แล้ว ยังมีรูปแบบการวางเดิมพันที่พิเศษไปกว่านี้อีก แต่ว่าจะหาเล่นได้จากบางคาสิโนเท่านั้น ซึ่งรูปแบบพิเศษจะแตกต่างกันไปแล้วแต่คาสิโนนั้น ๆ จะเป็นผู้กำหนดกติกา